วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่ 8 การวิเคราะห์ข้อมูลทางสื่อเสียง

ดับไฟริษยา

ความริษยา คือ ความต้องการ ความปรารถนาในสิ่งที่ผู้อื่นมี และคิดว่าตนเองไม่มี หรือมีน้อยกว่า เป็นอารมณ์รูปแบบหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในขณะที่ตนเองเผลอใจ เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งของ รูปร่างหน้าตา ความร่ำรวย ความสุขความสบายและต่างๆอีกมากมาย ซึ่งไม่ยินดีในสิ่งที่ตนเองมีหรือสิ่งที่ตนเองเป็น และนี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดความริษยา

ปัจจุบันสังคมมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆไปอย่างมากมาย ทั้งจิตใจและอารมณ์ของมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน จากจิตใจที่มีความเห็นอกเห็นใจกัน แบ่งปันสิ่งต่างๆให้แก่กัน มาเป็นความเห็นแก่ตัว อยากได้ อยากมี เหมือนกับผู้อื่น จึงทำให้มนุษย์เกิดการแข่งขันกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมนุษย์ไม่รู้จักคำว่าพอ นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น เมื่อทุกคนต่างอยากได้ อยากมี การแก่งแย่งชิงดีกันก็เริ่มเกิดขึ้น โดยทำทุกวิถีทางที่จะได้มาซึ่งอาจจะนำไปสู่การทะเลาะวิวาท จนถึงขั้นการทำร้ายร่างกายกันเลยก็ตาม ผลที่ได้รับก็มีแต่ความเสียหาย ไม่มีสิ่งที่ดีเลย แต่ก็เป็นการยากที่เราจะสามารถควบคุมจิตใจและอารมณ์ ของเราไม่ให้เกิดและกระทำในสิ่งที่มาจากความอิจฉาริษยา ที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหากเราไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตนเองมี และตนเองเป็น แต่ก็มีวิธีการที่จะช่วยดับความริษยาออกไปได้โดย 1.มนุษย์ควรมองโลกในแง่ดี มองสิ่งต่างๆในโลก โดยเฉพาะภายในใจตนเองในสิ่งที่ดี 2.พิจารณาความเป็นจริงของตนเอง มองหาจุดเด่นและจุดด้อยของตนเอง ยินดีในสิ่งที่ตนเองมี ตนเองเป็น 3.เปลี่ยนการรับรู้ตนเอง ความริษยาเกิดจากการรับรู้ตนเองในแง่ร้าย และรับรู้ผู้อื่นผิดพลาด ดังนั้น ต้องยอมรับและภาคภูมิในสิ่งที่ตนเองมี ตนเองเป็น 4.เป็นตัวของตัวเอง เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ และยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ 5.อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น อย่าหมกมุ่นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เมื่อทำได้ไม่ดีเท่าผู้อื่น ต้องกระทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ 6.ลดความคาดหวัง เพราะถ้ายิ่งคาดหวัง ก็จะยิ่งผิดหวัง 7.แบ่งปันความรัก ที่ใดที่มีรักแท้ ที่นั่นไม่มีความริษยา 8.อย่าอิจฉาริษยา เพราะ จะเป็นตัวทำร้ายตนเองและผู้อื่นอีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางที่จะช่วยให้มนุษย์มีการดำเนินชีวิตที่ดี แต่ถ้าหากมนุษย์รู้และไม่นำไปปฏิบัติก็จะไม่เกิดผลใดๆ กับการแก้ไฟริษยาที่มีอยู่ในตัวได้ ดังนั้น เมื่อเรารู้วิธีการที่จะช่วยดับความริษยาไม่ให้เกิดขึ้นมาได้แล้ว เราก็ควรจะนำไปปฏิบัติ ระงับจิตใจและอารมณ์ เพื่อให้เกิดผลดีแก่ตนเองและผู้อื่น

ความริษยาเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหา ที่เกือบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ที่ต้องพบและประสบกับความริษยาที่มีอยู่ภายในใจ อาจจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบุคคลคนนั้นว่ามีจิตใจและอารมณ์เป็นเช่นไร เพราะทุกคนมีความแตกต่างกัน ความริษยาจึงเป็นไฟริษยาที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และยังเป็นการทำร้ายตนเองอีกด้วย ความริษยาสามารถฆ่าคนได้ บางครั้งก็เป็นการฆ่าโดยทางอ้อม โดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้น เราควรที่จะคิด ก่อนที่จะทำอะไรลงไป เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง

สิ่งที่เรียกว่าหน้าที่

คำว่า หน้าที่ เป็นคำสั้นๆ แต่เมื่อมองถึงความหมายเข้าไปอย่างลึกซึ้งแล้วนั้น หน้าที่ เป็นภาระรับผิดชอบของบุคคลที่จะต้องปฏิบัติ เช่น หน้าที่ของพ่อแม่ หน้าที่ของลูก เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเกิดมาต้องกระทำและควรกระทำ เพราะทุกคนเกิดมาล้วนมีหน้าที่กันทุกคน

ครอบครัว คือ พื้นฐานของชีวิตที่เราได้เรียนรู้กับสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมาจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน การต้องพึ่งพาอาศัยกัน การดูแลทุกข์-สุขของกันและกัน และรวมไปถึงการช่วยเหลือกันในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวทุกครอบครัวมี และที่ขาดไม่ได้คือความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทุกคนในครอบครัวมีหน้าที่ที่ต้องทำ ซึ่งหน้าที่ของพ่อแม่ คือ ผู้ที่สร้างและให้กำเนิดแก่ลูก เป็นผู้คอยดูแล ช่วยเหลือ ส่งเสริมเรื่องต่างๆ และอบรม สั่งสอน ให้กับลูก พ่อและแม่นั้นเป็นบุคคลที่คอยห้ามปรามลูกจากสิ่งต่างๆ ที่ไม่ดี สอนให้ลูกรู้ว่าอะไรคือความชั่วและอะไรคือความดีที่ควรปฏิบัติ พ่อแม่ที่ดีต้องหาคู่ครองที่สมควรให้แก่ลูก คอยดูแลเป็นหู เป็นตา เลือกผู้ที่มีการศึกษา มีความประพฤติดีให้กับลูก พ่อแม่ต้องไม่คลุมถุงชนต้องให้เสรีภาพกับลูกในการเลือกคู่ครอง และพ่อแม่ต้องให้การศึกษาที่ดีแก่ลูก นอกจากนี้ พ่อแม่ควรมอบมรดกให้ลูกเมื่อถึงเวลาอันควร มรดกที่พ่อแม่ให้นี้ คือ สิ่งที่ดีงามที่พ่อแม่ได้สั่งสมมา เช่น คุณธรรม ความดี ชื่อเสียง และทรัพย์สมบัติต่างๆ เป็นต้น และการที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นลูกที่ดีได้นั้น พ่อแม่ต้องมีพรหมวิหารธรรม คือ ต้องเอ็นดูรักใคร่ลูก ช่วยเหลือลูกเมื่อลูกมีปัญหา ต้องแสดงความยินดีกับลูกเมื่อลูกประสบความสำเร็จและต้องวางตนเป็นกลาง ไม่เข้าข้างลูกเมื่อลูกทำผิด ซึ่งหน้าที่ของพ่อแม่นี้ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนกระทำให้กับลูกด้วยความรักและความหวังดีที่มีต่อลูก และในทางเดียวกันลูกเมื่อได้รับความรัก ความหวังดี จากพ่อแม่แล้ว จึงควรกระทำตนให้เป็นผู้ที่มีความกตัญญูต่อพ่อและแม่ด้วย พ่อแม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็ก ดูแลเราเป็นอย่างดี เราจึงควรดูแลเมื่อยามท่านแก่ ช่วยกิจการงานต่างๆ ของพ่อแม่เท่าที่เราจะทำได้ รักษาวงศ์ตระกูลของพ่อแม่ ประพฤติตนให้สมควรกับการได้รับมรดกจากพ่อแม่ และเมื่อพ่อแม่ล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศให้ สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่ลูกควรจะปฏิบัติให้กับพ่อแม่ จึงจะถือว่าเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ดังนั้นหน้าที่ของพ่อแม่และลูกเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเท่ากัน ต้องกระทำและนำไปปฏิบัติร่วมกัน เพื่อทำให้ครอบครัวมีความสงบ เป็นครอบครัวที่มั่นคง เนื่องจากต่างคนต่างรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง และผลที่ตามมาก็จะทำให้ชีวิตของทุกคนในครอบครัวมีความสุข

บุคคลทุกคนล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ที่ต้องกระทำกันทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นอยู่ในสถานะใดในตอนนั้น เช่น ครูอาจารย์มีหน้าที่สอนลูกศิษย์ หัวหน้ามีหน้าที่คุมลูกน้อง เป็นต้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด หน้าที่ที่ต้องกระทำก็ย่อมมี และไม่ว่าเราจะมีหน้าที่ที่ต้องทำคืออะไร เราต้องทำด้วยความตั้งใจ เต็มความสามารถเท่าที่เราจะกระทำได้ เพื่อทำให้ผลงาน หรือเป้าหมายนั้นออกมาดี เพียงแค่เรารู้จักคำว่า หน้าที่

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่ 7 Mind Mapping คำพ่อสอน (น.128-140) งานบุคคล


พระพุทธศาสนากับการดำเนินชีวิต

ปัจจุบันพระพุทธศาสนาถือว่ามีบทบาทมากกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนต่างๆ ที่ช่วยแนะนำ สั่งสอน ขัดเกลาให้เป็นผู้ที่ประพฤติดีและทำแต่สิ่งที่ดีๆ นอก
จากนี้พระพุทธศานายังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ ซึ่งชาวพุทธให้ความศรัทธาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่มีเหตุมีผล โดยสอนให้รู้จักการใช้ปัญญาวิเคราะห์ความรู้เหตุ รู้ผล ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี สอนให้ทำความดี ให้ประพฤติประโยชน์ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
สอนให้รู้จักฐานะตนเองและรู้จักหน้าที่ตนเอง เราในฐานะที่เป็นชาวพุทธควรศึกษาพระพุทธ
ศาสนา อาจโดยการนั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำบุญ รักษาศีล เป็นต้น เพื่อให้เกิดความรู้ ความสบาย
ใจ จิตใจผ่องใสและเพื่อเพิ่มพูนความดีให้แก่ตนเองพระพุทธศานาจะสามารถดำรงอยู่ได้ ถ้า
ชาวพุทธทุกคนช่วยกันสืบทอดและเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้กับคนรุ่นหลังต่อไป
พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ดีงาม ช่วยให้เรารู้จักมีชีวิตอย่างถูกต้อง ดำเนินชีวิตอย่างถูกวิธี
หากเราได้ประพฤติปฏิบัติย่อมจะมีปัญญารู้เหตุ รู้ผล รู้ผิดชอบชั่วดี เป็นผู้ที่สุจริตทั้งกาย วาจา
ใจ และมีความสุข ความสงบร่มเย็น ความเจริญงอกงามในชีวิต

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่ 5 การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Mind manager และ Free mind


Mind Manager เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างแผนที่ความคิด (Mind Map)

การ save งานมีด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ
1.การบันทึกแบบแก้ไขงานได้ โดยใช้ .mnap
2.การบันทึกแบบแก้ไขงานไม่ได้ โดยใช้ jpeg

ประโยชน์ของโปรแกรม Mind manager และ Free mind

1.ช่วยในการระดมสมองและระดมความคิด
2.ช่วยในการนำเสนอผลงาน
3.สามารถที่จะสร้างได้หลายรูปแบบ เช่น power point,web page เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่ 4 "แนวทาง 9 คำพ่อสอนกับการเรียนศึกษาศาสตร์"


การที่จะกระทำสิ่งใดก็ตามเราจะต้องบังคับและข่มใจตนเอง ด้วยการเอาชนะใจตนเองไม่ให้ไปกระทำสิ่งใดที่ไม่ดี เปรียบกับตัวเราที่จะต้องไปเป็นครูในภายภาคหน้า เราจึงต้องกระทำเพื่อเป็นแบบอย่างอันดีให้แก่ลูกศิษย์




วันจันทร์ที่ 22 มิ.ย. 2552 กับการเรียนวิชาทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ

เริ่มจากการได้เรียนรู้วิธีการดาวน์โหลดโปรแกรม Free mind ที่เป็นโปรแกรมสำหรับเขียนผังความคิด Mind Manager และวิธีการดาวน์โหลดคลิปต่างๆ จาก http://www.mediaconverter.org/ http://www.keepvid.com/ ที่สามารถนำมาลงได้ที่ web blog ของเราได้

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สัปดาห์ที่ 3 การสร้าง blog


วันจันทร์ที่ 15 มิ.ย. 2552 กับการเรียนวิชาทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ

เริ่มจากการได้เรียนรู้การสร้าง web blog ที่เราได้ออกแบบเอง
ได้ใช้ความคิดในการตอบคำถาม และการทำงานที่ส่งผ่านทาง blog ได้